ความเป็นมาของน้ำมัน "E 20" ในประเทศไทยเกิดขึ้นจากแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ.2528
ที่ทรงเล็งเห็นว่าประเทศไทยอาจหระสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำมันและ
ปัญหาพืชผลทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ จึงทรงมีพระราชดำริให้โครงการ
ส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ศึกษาถึงการน้ำอ้อยมาแปรรูปเป็นแอลกอฮอล์
โดยการน้ำแอลกอฮอล์ที่ผลิตได้นี้มาผสมกับน้ำมันเบนซิน ผลิตเป็นน้ำมัน
"E 20 หรือ แก๊สโซฮอล์" (Gasohol) เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน
ปี พ.ศ.2529 ทางโครงการส่วนพระองค์ได้เริ่มผลิตแอลกอฮอล์จากอ้อย
หลังจากนั้นได้มีหน่วยงานรัฐและเอกชนให้ความร่วมมือในการพัฒนาแอลกอฮอล์
ที่ใช้เติมรถยนต์อย่างต่อเนื่อง จนเมื่อปี พ.ศ.2539 การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย
(ปตท.) ร่วมกับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วท.)
และโครงการส่วนพระองค์ ได้ร่วมกันปรับปรถุงคุณภาพแอลกอฮอล์ที่ใช้เติมรถยนต์
โดยการนำแอลกอฮอล์ที่โครงการส่วนพระองค์ผลิตได้ที่มีความบริสุทธิ์จากเดิม 95%
ไปกลั่นซ้ำเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% แล้วจึงนำมาผสมกับน้ำมันเบนซิน ออกแทน
91 ในอัตราแอลกอฮอล์ 1 ส่วน กับเบนซิน 9 ส่วน เป็นน้ำมัน "E 20 หรือ แก๊สโซฮอล์"
ทดลองเติมให้กับรถเครื่องยนต์เบนซินของโครงการส่วนพระองค์
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแก๊สโซฮอล์ อี20 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 คืออะไร น้ำมันเบนซิน ที่มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์หรือเอทานอล ชนิดความบริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน 20% กับน้ำมันเบนซินชนิดพิเศษ (Base Gasohol) 80% เพื่อรองรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2551 เฉพาะรุ่นและยี่ห้อที่ระบุว่าสามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้เท่านั้น ประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม· ด้านเศรษฐกิจo ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ทำให้ประเทศมีความมั่นคงทางด้านพลังงาน ลดการขาดดุลการค้า โดยทุกลิตรของน้ำมัน E20 สามารถลดการนำเข้าน้ำมันลง 20%o ก่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติมในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม เกิดการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกพืชที่ใช้ผลิตเอทานอลo ประหยัดรายจ่ายภาคครัวเรือน เนื่องจากรถยนต์ E20 และน้ำมัน E20 ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐฯ จึงทำให้ E20 เป็นน้ำมันเบนซินที่มีราคาถูกที่สุด· ด้านสิ่งแวดล้อมo ลดมลพิษทางอากาศ และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเอทานอลเป็นผลิตผลธรรมชาติ ที่สามารถย่อยสลายได้โดยไม่เกิดมลพิษตกค้าง o ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะโลกร้อน และวิกฤตการณ์ธรรมชาติแปรปรวน รถยนต์ที่สามารถใช้ E20 ได้ รถยนต์ส่วนใหญ่รุ่นที่ผลิตตั้งแต่ปี 2008 จะผลิตให้รองรับน้ำมัน E-20 ได้ อาทิ1. HONDA (City-ZX, Civic, Accord, CR-V) 2. MITSUBISHI (Space Wagon 4G69 MIVEC NA4, EFI)3. NISSAN (Teana, Tida) 4. MAZDA (Mazda 3) 5. FORD FOCUS และ FORD ESCAPE 3.0 L ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2005 และรุ่นที่จะออกตามมาในปี 2008
อ้างอิง http://developed-thailand.blogspot.com/2008/01/e20.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น